tag:blogger.com,1999:blog-28705133462468869882024-03-04T23:02:49.233-08:00kannikakannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-2870513346246886988.post-23499366627735990422009-01-14T10:30:00.001-08:002009-01-14T10:30:44.766-08:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2KzacIXmj4l7t5WQURCdFNpMsUQiPcGbpVLGd4zoxzv5iWiNXft8cWSWaoYR_d5aY0ubBWqh0GnOWaAspy2rVMj1b3XBm33NIDfA7jU6vy-B2U619onfeicBYQ6HDkCZp4j0U3Mb1Lf7Q/s1600-h/k2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5291218625491813090" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 240px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2KzacIXmj4l7t5WQURCdFNpMsUQiPcGbpVLGd4zoxzv5iWiNXft8cWSWaoYR_d5aY0ubBWqh0GnOWaAspy2rVMj1b3XBm33NIDfA7jU6vy-B2U619onfeicBYQ6HDkCZp4j0U3Mb1Lf7Q/s320/k2.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>kannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2870513346246886988.post-12226604116537353942009-01-14T09:13:00.000-08:002009-01-14T10:29:27.102-08:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgBfQujoAgGcm7wOR45-gha56lrMVQOtDZ9RicbH7jkQzV49Im34H1C7J4Tzxy7HDMRo_rUG8UqOxz5kP_-xnfPBWWKDPGEnnx4eeKaezMgKDYYo4lje1A5qM0lpIUcWiQeOhwpwHhxdGQH/s1600-h/k1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5291218277930937922" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 235px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgBfQujoAgGcm7wOR45-gha56lrMVQOtDZ9RicbH7jkQzV49Im34H1C7J4Tzxy7HDMRo_rUG8UqOxz5kP_-xnfPBWWKDPGEnnx4eeKaezMgKDYYo4lje1A5qM0lpIUcWiQeOhwpwHhxdGQH/s320/k1.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#3333ff;">การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type mask tool (สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type mask tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)</span></div><br /><div><span style="color:#3333ff;"></span></div><br /><div></div>kannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2870513346246886988.post-35506354166687501502009-01-14T09:06:00.000-08:002009-01-14T09:11:36.488-08:00ความรู้ทางด้าน Adobe Photoshop<span style="color:#3333ff;">การสร้างและตกแต่งตัวอักษรจากโปรแกรม Adobe Photoshop<br />ขั้นตอนการทำ</span><br /><span style="color:#009900;">1. หลังจากเข้าโปรแกรม Adobe Photoshop ให้คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New... หรือกดคีย์ลัดบนคีย์บอร์ด Ctrl+N</span><br /><span style="color:#009900;">2. กำหนดขนาดพื้นที่การทำงานในช่อง Preset ตามต้องการ และกำหนดค่าอื่นๆ ตามที่ต้องการ เช่น ค่าในช่อง Color mode เลือกเป็น RGB Color (สำหรับงานที่แสดงออกทางจอภาพ) เป็นต้น</span><br /><span style="color:#009900;">3. ในการสร้างตัวอักษรให้คลิกเลือกเครื่องมือที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว T หรือกดปุ่ม T บนคีย์บอร์ด เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Type tool ซึ่งมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่ </span><br /><span style="color:#009900;">1. Horizontal type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรตามแนวนอน </span><br /><span style="color:#009900;">2. Vertical type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรในแนวตั้ง </span><br /><span style="color:#009900;">3. Horizontal type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรโดยการเจาะรูปภาพมาใส่ข้างในตัวอักษรตามแนวนอน และ </span><br /><span style="color:#009900;">4. Vertical type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรเหมือนกับข้อ 3 แต่สร้างในแนวตั้ง</span><br /><span style="color:#009900;"></span><br /><span style="color:#009900;"></span><br /><span style="color:#009900;">การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type tool<br />1. เลือกเครื่องมือ Horizontal type tool แล้วคลิกบนตำแหน่งที่ต้องการสร้างตัวอักษร<br />2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป</span><br /><span style="color:#009900;">3. ที่ด้านล่างของ Menu bar จะมีแถบสำหรับการปรับแต่งตัวอักษรอยู่ เช่น การเปลี่ยนขนาด การเปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษร เป็นต้น<br />4. เมื่อได้ข้อความตามต้องการแล้วให้คลิกที่เครื่องมือ Move tool หรือกดปุ่ม V บนคีย์บอร์ด<br />5. หากต้องการขยายขนาดข้อความให้คลิกที่คำสั่ง Edit แล้วเลือก Free transform หรือกด Ctrl+T บนคีย์บอร์ด เมื่อขยายหรือย่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด<br />6. เลือกคำสั่ง Layer > Layer style > Blending options เพื่อใส่ลูกเล่นต่างๆ ให้กับข้อความ หรือคลิก เมาส์ขวาบน Layer ของตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมาที่หน้าต่าง Layer ด้านขวามือแล้วเลือกคำสั่ง Blending options<br />7. จะปรากฏหน้าต่าง Layer style ขึ้นมา ทางด้านซ้ายมือจะมีชื่อลูกเล่นต่างๆ ดังนี้ </span><br /><span style="color:#009900;">1. Drop shadow คือการใส่เงาให้ข้อความโดยเงาจะปรากฏด้านนอกตัวข้อความ </span><br /><span style="color:#009900;">2. Inner shadow คือการใส่เงาให้กับข้อความแต่เงาจะปรากฏบนตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">3. Outer glow การใส่แสงให้กับข้อความโดยแสงจะปรากฏด้านนอกตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">4. Inner glow คือการใส่แสงด้านในตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">5. Bevel and emboss การทำให้ตัวอักษรนูนขึ้นหรือยุบลงไป ทำให้เกิดมิติ </span><br /><span style="color:#009900;">6. Satin คือการใส่สีเคลือบทับสีเดิมของตัวตักษร </span><br /><span style="color:#009900;">7. Color overlay คือการใส่สีให้กับตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">8. Gradient overlay คือการใส่สีแบบไล่เฉดสีให้กับตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">9. Pattern overlay คือการใส่ลวดลายแบบพื้นผิวลงในตัวอักษร </span><br /><span style="color:#009900;">10. Stroke คือการใส่สีที่ล้อมรอบด้านนอกตัวอักษร<br /></span><br /><span style="color:#009900;">8. เลือกใส่ลูกเล่นตามต้องการแล้วคลิก OK</span><br /><span style="color:#009900;"></span><br /><span style="color:#009900;">การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type tool<br />(สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type mask tool<br />1. เลือกคำสั่ง File แล้วเลือก Open เพื่อเลือกรูปภาพมาหนึ่งรูป<br />2. เลือกเครื่องมือ Horizontal type mask tool แล้วคลิกลงบนตำแหน่งที่ต้องการบนรูปภาพที่เลือกมา<br />3. พื้นที่การทำงานจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม ให้พิมพ์ข้อความลงไปตามต้องการ<br />4. เลือกที่เครื่องมือ Move tool ส่วนที่เราพิมพ์ข้อความจะเปลี่ยนเป็นเส้นประ<br />5. คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New<br />6. ใช้เครื่องมือ Move tool คลิกเมาส์ค้าง (drag mouse) บนพื้นที่เส้นประของข้อความแล้วลากไปวางที่พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ สังเกตรูปเมาส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย + แล้วปล่อยปุ่มเมาส์</span><br /><span style="color:#009900;">7. จะได้ข้อความที่ข้างในเป็นรูปภาพที่เราเลือกมา8. ตกแต่งใส่ลูกเล่นได้เหมือนกับการสร้างข้อความด้วยเครื่องมือ Horizontal type tool</span>kannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2870513346246886988.post-59327122702310362332009-01-09T10:46:00.000-08:002009-01-09T10:50:59.416-08:00แบบฝึกหัด<span style="color:#3333ff;">ตอบคำถาม</span><br /><span style="color:#3333ff;">1. นวัตกรรม คืออะไร </span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ ความคิดและการกระทำใหม่ ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น</span><br /><span style="color:#3333ff;">2. นวัตกรรมตรงกับ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร </span><br /><span style="color:#3333ff;"> ตอบ Innovation</span><br /><span style="color:#3333ff;">3. สิ่งที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมคืออะไร </span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ สิ่งที่มีอยู่แล้วหรือสิ่งที่คิดขึ้นมาใหม่นำมาพัฒนาปรับปรุงและนำไปใช้จริง</span><br /><span style="color:#3333ff;">4. ท่านมีแนวทางในการทำงานนวัตกรรมอย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ แนวทางในการทำงานนวัตกรรมโดยสังเกตจากปัญหาที่พบในห้องเรียนของตนเองและนำมาสร้าง สื่อนวัตกรรมตามขั้นตอนดังนี้- การคิดค้นประดิษฐ์สื่อที่สามารถแก้ไขปัญหาได้- การพัฒนาการหรือการทดลองใช้สื่อ- การนำสื่อนั้นไปใช้ปฏิบัติจริง</span><br /><span style="color:#3333ff;">5. เทคโนโลยี คืออะไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ การนำเอาขบวนการ วิธีการและแนวความคิดใหม่ ๆ มาใช้หรือประยุกต์ใช้อย่างมีระบบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ</span><br /><span style="color:#3333ff;">6. คำว่าเทคโนโลยีตรงกับ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ Technology</span><br /><span style="color:#3333ff;">7. คำว่าเทคโนโลยีตรงกับ ภาษากรีกว่าอย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ Techologia</span><br /><span style="color:#3333ff;">8. คำว่าเทคโนโลยีตรงกับ ภาษาลาตินว่าอย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ Texere</span><br /><span style="color:#3333ff;">9. ข้อใดที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีตามความหมายทัศนะทางวิทยาศาสตร์กายภาพอย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แปลกใหม่ ทันสมัย ด้วยเครื่องยนต์กลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์</span><br /><span style="color:#3333ff;">10. ข้อใดเป็นเทคโนโลยีตามความหมายทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์อย่างไร</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ การนำโครงสร้างทางด้านพฤติกรรมมากำหนดรวบรวมในกระบวนการทางด้านความคิดหรือกระบวนการสอนต่าง ๆ ที่เป็นพฤติกรรม</span><br /><span style="color:#3333ff;">11. เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างกันอย่าง</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ แนวความคิดใหม่ ๆ หรือสิ่งประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นเป็นนวัตกรรม และเมื่อนำมาใช้จนแพร่หลายโดยทั่วกันจึงเรียกสิ่งนั้นว่าเป็น เทคโนโลยี</span><br /><span style="color:#3333ff;">12. เทคโนโลยีอะไรเกิดขึ้นก่อนกัน</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ นวัตกรรมเกิดขึ้นก่อนแต่เป้าหมายที่แน่นอนของนวัตกรรมและเทคโนโลยีคือทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยความคิดหรือการกระทำใหม่ๆจะถูกนำมาใช้ก่อนจนกว่าจะถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบงานในปัจจุบันความคิดหรือการกระทำใหม่ๆที่เรียกว่านวัตกรรรมนั้นก็จะกลายเป็นเทคโนโลยี13. การศึกษาหมายถึง หาความหมายมา 3 ท่าน</span><br /><span style="color:#3333ff;">ตอบ การศึกษา หมายถึง การพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้พัฒนาตนเอง รู้เอง เรียนเอง ครูเพียงแต่แนะวิธีการเรียนการให้ความหมายของนักการศึกษา</span><br /><span style="color:#3333ff;">1.ราฟเฟอร์ตี ( Rafferty.1970 ) กล่าวว่า การศึกษาคือการปรับตัวของชีวิต</span><br /><span style="color:#3333ff;">2.จอห์นดิวอี้ ( Dewey.1973 ) กล่าวว่า การศึกษาคือประสบการณ์ของชีวิตและความเจริญงอกงามที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตลอดชีวิต</span><br /><span style="color:#3333ff;">3.วิจิตร ศรีสอ้าน ( 2515 ) กล่าวว่า การศึกษาคือ เรื่องการพัฒนาคนเพื่อผลของส่วนรวมความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าการศึกษา คือ ประสบการณ์ของชีวิตรวมถึงกระบวนการที่ส่งเสริมให้บุคลมีความเจริญงอกงามทั้งทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา</span><br /><a title="แก้ไขบทความ" href="http://www.blogger.com/post-edit.g?blogID=8004904680806330625&postID=5520948288279821754"></a>kannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2870513346246886988.post-23420864310003399792009-01-09T10:37:00.000-08:002009-01-09T10:44:49.842-08:00ความหมายและความสำคัญนวัตกรรม<span style="color:#006600;">1.1 ความหมายของนวัตกรรมการศึกษาคำว่า นวัตกรรมการศึกษา ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Education Innovation ซึ่งหมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ที่อาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์เข้ามาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ตลอดจนการบริหารจัดการทางการศึกษา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้รวดเร็วกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจและแสวงหาความรู้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมส่วนใหญ่จะเกิดจากส่วนประกอบของเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงก็มักจะทำให้นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงไปด้วย</span><br /><span style="color:#006600;">1.2 ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษาคำว่า เทคโนโลยี เป็นคำที่ใช้ทับศัพท์คำว่า Technology ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาค้นพบทางด้านวิทยาศาสตร์แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้น เทคโนโลยีการศึกษาจึงหมายถึง การนำเทคโนโลยีบางอย่างมาประยุกต์ใช้ในการศึกษา เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดได้ง่ายและรวดเร็ว</span><br /><span style="color:#006600;">คำว่า นวัตกรรม และ เทคโนโลยี จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน แม้ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรร์และส่งประดิษฐ์มาประยุกต์ โดยมีกระบวนการกระทำหรือจัดการทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้นมาก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า เทคโนโลยี แทน โดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีการประยุกต์วิธีการโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology) ซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์และการสื่อสารทางไกลเป็นองค์ประกอบหลักเข้ามาใช้ในการศึกษา จึงมักจะเรียกว่า การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารการศึกษา หรือเรียกย่อว่า การใช้ ICT ทางการศึกษา แทนที่จะใช้คำว่า “นวัตกรรมทางการศึกษา” และเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมในการใช้คำเช่นนี้ ในบทเรียนนี้จึงขอใช้คำว่า เทคโนโลยีการศึกษา แทน โดยให้หมายถึงนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นองค์ประกอบหลักที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทางการศึกษา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการศึกษาปัจจุบัน</span><br /><span style="color:#006600;">1.3 ความหมายของระบบสารสนเทศระบบที่จะนำมาใช้ในการบริหารงานในที่นี้ ได้แก่ ระบบสารสนเทศ (Information System) ซึ่ง อนันต์ เกิดดำ (2548) ได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ระบบสารสนเทศ คือ เซ็ตขององค์ประกอบที่สัมพันธ์กันซึ่งรวบรวม ประมวล จัดเก็บและเผยเพร่สารสนเทศเพื่อสนับสนุนและการตัดสินใจและการควบคุมในองค์กร</span><br /><span style="color:#006600;">1.4 ประเภทของระบบสารสนเทศที่ใช้ในองค์กรปัจจุบัน ระบบสารสนเทศเป็นที่นิยมใช้ในองค์กรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ระบบสารสนเทศที่ใช้กันอยู่ในองค์กรทั่วๆไปจำแนกได้ ดังนี้</span><br /><span style="color:#006600;">1.4.1 ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing System: TPS)ระบบประมวลผลรายการเป็นพื้นฐานของระบบธุรกิจ ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยผู้บริหารในระดับปฏิบัติการระบบจะใช้คอมพิวเตอร์ในการบันทึกรายกระประจำวันในการทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ระบบการสั่งซื้อ ระบบการจองห้องพัก ระบบเงินเดือนและค่าจ้าง ระบบรับและส่งสินค้าออกเนื่องจากการบริหารในระดับปฏิบัติการ งานกฎเกณฑ์และเงื่อนไขได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแน่นอนแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้นตัวอย่างเช่นการตัดสินใจจะให้เครดิตแก่ลูกค้าของธนาคาร สิ่งที่ผู้บริหารในระดับนี้จะตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ เขาจะทำได้เพียงแต่ตรวจว่าลูกค้ามีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือไม่เท่านั้น</span><br /><span style="color:#006600;">1.4.2 ระบบสารสนเทศเพื่องานบริหาร (Management Information System: MIS)ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารหรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า ระบบ MIS คือระบบที่ผลิตสารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการใช้ในการบริหารงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพระบบจะผลิตรายงานเพื่อผู้บริหาร บางกรณีผู้บริหารอาจจะเรียกใช้ด้วยระบบออนไลน์ โดยทั่วไปแล้วระบบ MIS จะเป็นข้อมูลภายในองค์กร ไม่เกี่ยวกับข้อมูลภายนอกหรือข้อมูลสภาพแวดล้อม ในเบื้องต้น MIS จะผลิตสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร โดยเฉพาะในด้านการวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจ</span><br /><span style="color:#006600;">1.4.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decistion Support System: DSS)ระบบสนับสนุนการตัดสินใจส่วนมากเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารเป็นไปได้อย่างสะดวก ระบบจะสามารถสรุปหรือเปรียบเทียบข้อมูลจากทุกแหล่งไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภายในหรือภายนอกองค์กร แหล่งข้อมูลภายใน ได้แก่ ข้อมูลในแฟ้มองค์กรที่มีอยู่แล้ว เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการขาย ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต ข้อมูลทางด้านการเงิน ข้อมูลจากแหล่งภายนอก ได้แก่ ข้อมูลด้านอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลแนวโน้มของประชากร หรือข้อมูลด้านความต้องการของตลาดโลก ระบบการตัดสินใจส่วนมากเป็นระบบที่มีการตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ และจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ค่าทางสถิติ มีตารางการทำงาน มีกราฟแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประเมินข้อมูลในการติดสินใจในระบบการสนับสนุนการตัดสินใจที่จะก้าวหน้ามาก ผู้ใช้อาจจะสร้างแบบจำลองของปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการติดสินใจ ลักษณะของระบบสนับสนุนการตัดสินใจได้ดีอาจสรุปได้ ดังนี้</span><br /><span style="color:#006600;">1. ระบบจะต้องใช้ช่วยผู้บริหารในกระบวนการตัดสินใจ</span><br /><span style="color:#006600;">2. ระบบจะต้องสนับสนุนการตัดสินใจได้ทุกระดับ แต่จะเน้นที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนกลยุทธ์</span><br /><span style="color:#006600;">3. ระบบมีความสามารถในการจำลองสถานการณ์ และมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สำหรับช่วยเหลือผู้ตัดสินใจ</span><br /><span style="color:#006600;">4. ระบบต้องสามารถติดต่อกับฐานข้อมุลในองค์กรได้</span><br /><span style="color:#006600;">5. ระบบจะต้องเป็นระบบที่ตอบโต้กับผู้ใช้ได้ สามารถใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยพึ่งความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญน้อยที่สุด</span><br /><span style="color:#006600;">1.4.4 ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System: ESS)ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูงเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงติดตามผลของการปฏิบัติงานขององค์การ ติดตามกิจกรรมของคู่แข่ง ชี้ให้เห็นปัญหา มองหาโอกาส และคาดคะเนแนวโน้มต่างๆ ในอนาคต ในการนำ ESS มาใช้นั้น จะต้องออกแบบให้ระบบใช้ทั้งข้อมุลภายในและภายนอกองค์กร นอกจากนี้ยังรวมเอาเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการจำลองการวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น LOTUS1-2-3, EXCEL หรือโปรแกรมตารางการทำงานอื่นๆ</span><br /><span style="color:#006600;">1.4.5 ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)ระบบผู้เชี่ยวชาญมีส่วนคล้ายระบบอื่นๆ คือเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยบริหารแก้ไขปัญหาหรือการตัดสินใจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ระบบผู้เชี่ยวชาญจะแตกต่างกับระบบอื่นอยู่มาก เนื่องจากระบบผู้เชี่ยวชาญจะเกี่ยวข้องกับ การจัดการความรู้ (Knowledge management) มากกว่าสารสนเทศ และถูกออกแบบมาให้ช่วยในการติดสินใจโดยใช้วิธีเดียวกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์โดยใช้หลักการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence)ระบบผู้เชี่ยวชาญจะทำการโต้ตอบกับมนุษย์โดยมีการถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่าง ให้ข้อแนะนำ และช่วยเหลือในกระบวนการติดสินใจ นั่นคือ การทำงานคล้ายกับเป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหานั้นๆ เนื่องจากระบบนี้ก็คือการจำลองความรุ้ของผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มานั่นเอง โดยผู้เชี่ยวชาญในที่นี้อาจเป็นได้ทั้งผู้เชี่ยวชาญในการบริหาร ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องภาษี ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องยา หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในการทำอาหารก็ตาม<br />เขียนโดย</span>kannikahttp://www.blogger.com/profile/15990219749272149121noreply@blogger.com0